15 Best Twitter Accounts to Learn About พอตมาแรง
ข้อความเต็ม 10,000 คำเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า
บุหรี่ไฟฟ้า หรือ E-cigarette เป็นอุปกรณ์ที่ใช้เพื่อสูบบุหรี่โดยใช้ไฟฟ้าแทนการเผาผลาญยาเบอร์เยอร์ ทำให้สูบบุหรี่ได้โดยไม่ต้องมีควัน ซึ่งมีผลกระทบต่อสุขภาพได้น้อยกว่าการสูบบุหรี่ด้วยวิธีการที่เดิมใช้งานกันมาก่อน นับตั้งแต่เป็นสิ่งที่เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในตอนนี้ เราจะมาสำรวจว่าบุหรี่ไฟฟ้านั้นเป็นอย่างไร มีประโยชน์อย่างไร และมีผลกระทบต่อสุขภาพของเราอย่างไร
ประวัติของบุหรี่ไฟฟ้า
เป็นเรื่องน่าสนใจที่จะพูดถึงประวัติของบุหรี่ไฟฟ้า ความเป็นมาของบุหรี่ไฟฟ้าสั้นๆนี้เกิดขึ้นในปี 1963 โดยฮเรนรี่ แองดี้ ที่เป็นนักวิทยาศาสตร์จากโรงเรียนฮาร์วาร์ด แต่เมื่อเทคโนโลยียังไม่ค่อยได้พัฒนาอย่างที่เราเห็นในปัจจุบัน บุหรี่ไฟฟ้าในยุคนั้นยังไม่สามารถนำไปใช้ได้ในชีวิตประจำวัน และกลับเสียใจที่เทคโนโลยียังไม่ค่อยพร้อมที่จะใช้งานได้อย่างที่ต้องการ จึงต้องรอจนถึงปี 2003 ที่ ฮ่องกง (Hong Kong) ผู้ประกอบการธุ
สุดท้ายนี้ได้มีการพัฒนาและนำเสนอบุหรี่ไฟฟ้าที่ใช้งานได้อย่างเต็มรูปแบบในปี 2003 โดยนักวิจัยชาวจีนชื่อ ฮ่องคงลิ (Hon Lik) ซึ่งเป็นสมาชิกในกลุ่มผู้วิจัยของบริษัท Ruyan บุหรี่ไฟฟ้าเวอร์ชันแรกของ Hon Lik นั้นเป็นบุหรี่ไฟฟ้าที่มีขนาดใหญ่มาก และมีความซับซ้อน แต่เมื่อผ่านไปเพียงไม่กี่ปี บุหรี่ไฟฟ้าก็ได้รับความนิยมและพัฒนาต่อไปอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในวงการบุหรี่ และเทคโนโลยี
การทำงานของบุหรี่ไฟฟ้า
บุหรี่ไฟฟ้าประกอบด้วยอุปกรณ์หลัก ๆ 3 อย่าง คือ แบตเตอรี่ ตัวเผาผลาญ และบั้งไฟฟ้า โดยในบุหรี่ไฟฟ้าจะมีน้ำยาที่ใช้ในการสูบเพื่อเติมความสดชื่นให้กับกลิ่นและรสชาติของบุหรี่ น้ำยาสำหรับบุหรี่ไฟฟ้ามีส่วนประกอบหลัก ๆ ดังนี้
น้ำยาสำหรับบุหรี่ไฟฟ้า
น้ำยาสำหรับบุหรี่ไฟฟ้าประกอบด้วยส่วนประกอบหลัก ๆ 3 ชนิด คือ กลิ่น น้ำตาล และสารเคมีที่ทำให้เกิดควัน
กลิ่น – กลิ่นจะถูกผลิตโดยใช้สารที่ถูกต้องปรับปรุงเ
เพื่อให้ได้กลิ่นที่ดีและใกล้เคียงกับกลิ่นบุหรี่จริง ส่วนใหญ่จะมีสารประกอบตามตารางนี้
ออร์แกนิก (อย่างน้อย 90%) ตัวอย่างเช่น เบสิลิค (Basilic) หรือ เฟอร์มินต์ (Ferment)
น้ำตาล – น้ำตาลจะใช้เพื่อเพิ่มความหวานให้กับน้ำยา ส่วนใหญ่จะใช้กับน้ำยาสูบที่มีกลิ่นผลไม้
สารเคมีที่ทำให้เกิดควัน – สารเคมีที่ใช้ประกอบน้ำยาสำหรับบุหรี่ไฟฟ้าส่วนใหญ่จะเป็น Propylene Glycol (PG) และ Vegetable Glycerin (VG) โดยส่วนใหญ่จะมีสัดส่วน PG:VG เป็น 50:50
Propylene Glycol (PG) มีลักษณะเป็นน้ำเปลี่ยนเป็นควันเมื่อถูกตั้งอยู่ในอุณหภูมิที่สูง และไม่มีกลิ่น ดังนั้นจึงถูกนำมาใช้เป็นสารที่ทำให้เกิดควันในน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า
Vegetable Glycerin (VG) มีลักษณะเป็นน้ำหนักเบา และมีความหวาน เมื่อนำมาผสมกับ Propylene Glycol (PG) จะช่วยเพิ่มความหนืดให้กับน้ำยา และเป็นสารที่ช่วยสร้างควันในบุหรี่ไฟฟ้าได้ดีกว่า PG
นอกจากสารประกอบเหล่านี้แล้ว บางครั้งยังมีการเติมสารอื่น ๆ เข้าไป เช่น สารเจลาทิน พอตมาแรง (Ceylatin) หรือสารเมทอล (Menthol) เพื่อเพิ่มความหนาแน่นให้กับควัน หรือ
นอกจากสารประกอบที่ได้กล่าวมาแล้ว ยังมีการใช้สารอื่น ๆ เพิ่มเติมเข้าไปในน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า เพื่อเพิ่มความหนาแน่นให้กับควัน หรือเพิ่มสีสันให้กับกลิ่น หรือมีคุณสมบัติอื่น ๆ ที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้ดีขึ้น ดังนี้
สารเจลาทิน (Ceylatin) – เป็นสารที่มีคุณสมบัติเพิ่มความเย็นให้กับน้ำยา ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้รู้สึกสดชื่นและสบายตัวขึ้น
สารเมทอล (Menthol) – เป็นสารที่มีคุณสมบัติเย็นช่วยลดอาการหอบหืดและน้ำมูก และช่วยให้กลิ่นของน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าดูมีชีวิตชีวามากขึ้น
สารออกซิเจน (Oxygen) – เป็นสารที่ช่วยเพิ่มปริมาณออกซิเจนในกระแสเลือด และช่วยปรับสมดุลความสมบูรณ์ของเลือด
สารแทนนิน (Tannin) – เป็นสารที่ช่วยลดการอักเสบในระบบทางเดินหายใจ และช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งปอด
สารคาร์โมฟีน (Carophyllene) – เป็นสารที่มีคุณสมบัติที่ช่วยลดอาการแพ้ฝุ่นละอองในบริเวณทางเดินหายใจ
สารวิตามิน C (Vitamin C) – เป็นสารที่ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน และช่วยให้
การสูบบุหรี่ไฟฟ้ามีผลกระทบต่อสุขภาพของผู้ใช้ในระยะยาวได้แก่โรคเรื้อรังทางเดินหายใจ เช่น โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (Chronic Obstructive Pulmonary Disease: COPD) โรคปอดอักเสบเรื้อรัง (Chronic Bronchitis) และโรคมะเร็งปอด (Lung Cancer) เนื่องจากบุหรี่ไฟฟ้าจะมีสารเคมีที่ออกมากขึ้นเมื่อน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าถูกอัดเข้าไปในอุปกรณ์ ซึ่งส่งผลให้น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าอาจจะมีสารพิษอย่างแคบหรือกว้างขึ้น จึงมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายแรงของระบบทางเดินหายใจอย่างต่าง ๆ
นอกจากนี้ การสูบบุหรี่ไฟฟ้ายังมีผลกระทบต่อระบบทางเดินอาหาร ซึ่งส่งผลต่อการดูแลสุขภาพช่องปากและฟัน เนื่องจากบุหรี่ไฟฟ้าสามารถก่อให้เกิดการหลุดหลงของเคลือบหินปูนและเพิ่มความเป็นกรดของน้ำลาย ซึ่งทำให้เกิดโรคเหงือกอักเสบ โรคฟันผุ และโรครากฟันอักเสบได้
นอกจากนี้ การสูบบุหรี่ไฟฟ้ายังมีผลกระทบต่อสุขภาพในด้านอื่น ๆ ด้วย เช่น การเปลี่ยนแปลงทางเมตาบอลิซึมในร่างกาย การเสื่อมสภาพของระบบภูมิคุ้มกัน การเสียดสีของผิวหนั